การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในงานธุรกิจ
ศึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานธุรกิจ
ความหมายของอีคอมเมิร์ซ(E-Commerce)ความเป็นมาของอีคอมเมิร์ซ
ประโยชน์ของอีกคอมเมิร์ซ ข้อจำกัดขอกอีคอมเมิร์ซโครงสร้างพื้นฐานของอีคอมเมิร์ซ
ประเภทของอีกคอมเมิร์ซ ขั้นตอนการค้าแบบอีคอมเมิร์ซ
1.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานธุรกิจการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับระบบงานในองค์กรและงานด้านบริหารในโลกยุคใหม่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
ทำให้การค้าและการดำเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงองค์การต่าง ๆ
เริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงให้ก้าวทันสู่ยุของการค้ารูปแบบใหม่
โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าขายการตลาดและการบริการไปสู่กลุ่มลูกค้าทั้งเก่าและใหม่เป็นการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า
คำว่า “อีคอมเมิร์ซ”(E-commerce/Electronics Commerce
) จัดเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้องค์กร ได้เปรียบคู่แข่งขัน
2.ความหมายของอีคอมเมิร์ซ
(E-Commerce)อีคอมเมิร์ซ
หรือชื่อแปลเป็นไทยว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” หมายถึงการดำเนินธุรกิจซื้อขายโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นส่าวนหนึ่งของ E-Business
อ่านว่า
อี-บิสิเน็ส หมายถึง การทำกิจกรรมทุก ๆ อย่างทุกขั้นตอนผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีขอบเขตที่กว้างกว่าอีคอมเมิร์ซที่เป็นการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้สามารถติต่อสื่อสารกับลูกค้าอีคอมเมิร์ซ
เป้ฯเรื่องที่ละเอียดอ่อน การตัดสินใจลงทุนในธุรกิจประเภทนี้
จะต้องวางแผนให้รัดกุม
ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนในระยะแรกไม่สูงและไม่ต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากนักก็สามารถทำธุรกิจประเภทนี้ได้
แต่ปัจจุบันมีคู่แข่งขันเข้ามาในธุรกิจมาก
เพราะนักลงทุนสามารถเปิดธุรกิจได้ง่ายและกำลังอยู่ในความสนใจของคนรุ่นใหม่
แต่ถ้าคิดจะลงทุนค้าขายสินค้าให้คนไทยอาจจะต้องพบปัญหา
3.ความเป็นมาของอีคอมเมิร์ซปัจจุบันยังคงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบริษัทด้วยการใช้ระบบไปรษณีย์
และอีกหลายบริษัทใช้วิธีการป้อนข้อมูลลงในโปรแกรมแบบฟอร์มทางธุรกิจ
ไม่ว่าเป็นใบสั่งซื้อ
ใบส่งสินค้าใบเสร็จรับเงินและจัดพิมพ์ข้อมูลออกทางเครื่องพิมพ์จึงจัดส่งแบบฟอร์มนั้นหรือใช้วิธีส่งแฟกซ์ทำให้บริษัทต้องสูญเสียเวลาอย่างมากมายในการใช้ระบบแบบเดิม
ในการติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และสูญเสียทรัพยากรกระดาษจำนวนมากด้วย
และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ
อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการส่งผ่านข้อมูลต่อมายุคการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
(EDI) จึงได้มีแนวคิดที่จะให้คอมพิวเตอร์ข่ายการค้าทั้ง
2
ฝ่ายแลกเปลี่ยนเอกสารกันทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยตรง คือ
คอมพิวเตอร์ของผ่ายหนึ่งจัดส่งเอกสารต่าง ๆ
ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านระบบเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์กแบบที่จัดสร้างขึ้นโดยเฉพาะ
หรือส่งผ่าน
สายโทรศัพท์ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานได้มาก
แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ไม่มีเอกสารที่อยู่บนกระดาษเป็นหลักฐานให้เซ็นชื่อกำกับเหมือนก่อนวิธีแก้ไขปัญหาคือ
ปัญหาแรกอาจต้องมีการเข้ารหัสพิเศษก่อนจะส่งข้อมูล
เพื่อยืนยันไว้ผู้ที่เข้ารหัสมาก็คือฝ่ายที่เป็นคู่ค้าไม่ใช่บุคคลอื่น
ส่วนปัญหาข้อสองที่โปรแกรมไม่สามาถใช้งานในรูปแบบเดียวกันได้นั้น
มีการวางมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันให้เป็นระบบที่เรียกว่า ระบบ EDIแต่การนำระบบ
EDI มาใช้ยังได้รับความนิยมน้อย
เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการวางระบบ และดำเนินงานสูงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่จะให้คอมพิวเตอร์ของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
สารมารถรับส่งข้อมูลกันได้อย่างราบรื่นยิ่งมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเท่าไรความยิ่งยากซับซ้อน
ที่ตามมาก็มากขึ้นปัจจุบันระบบอินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมแพร่หลาย
แนวคิดในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูล
เพื่อการค้าระหว่างคอมพิวเตอร์นของแต่ละธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงนั้นก็เกิดขึ้น
โดยแทนที่ระบบ EDI
ซึ่งเป็นระบบของธุรกิจขนาดใหญ่
แต่กลายเป็นระบบการซื้อขายในระดับของผู้บริโภคทั่ว ๆ
ไปโดยตรงการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์บนอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้ง่ายกว่า
เพราะการเปลี่ยนแปลงทางด้านซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน โปรแกรมสำหรับเรียกดูข้อมูล เช่น
โปรแกรม Internet Explorer สารมารถทำงานได้ค่อนข้างหลากหลายและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการรับส่งอีเมล์เป็นพื้นฐานการใช้อินเทอร์เน็ต
กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคสามารถหามาใช้และทำความเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
4.ประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซ
(E-Commerce)
ประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซต่อบุคคล มีดั้งนี้
1.มีสินค้าและบริการราคาถูกจำหน่าย
2.สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด
24 ชั่วโมง
3.ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าตรงตามความต้องการมากที่สุด
4.สนับสนุนการประมูลเสมือนจริง
ประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซต่อองค์กรธุรกิจ
1.ขยายตลาดในระดับประเทศและระดับโลก
2.ลดปริมาณเอกสารเกี่ยวกับการสร้าง
การประมวล การกระจาย การเก็บและการดังข้อมูลได้ถึงร้อยละ 90
3.ลดต้นทุนการสื่อสารโทรคมนาคม
เพราะอินเทอร์เน็ตราคาถูกกว่าโทรศัพท์
4.ทำให้การจัดการผลิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซต่อสังคม มีดังนี้
1.สามารถทำงานที่บ้านได้
ทำให้มีการเดินทางน้อยลง การจราจรไม่ติดขัด ลดปัญหามลพิษทางอากาศ
2.การซื้อขายสินค้าราคาถูกลง
คนที่มีฐานะไม่รวยก็สามารถยกระดับมาตรฐานการขายสินค้าและบริการได้ประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ
มีดังนี้
1.กิจการ SMEs ในประเทศกำลังพัฒนาอาจได้ประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางในระดับโลก
2.บทบาทของพ่อค้าคนกลางลดลง
ทำให้ต้นทุนการซื้อขายลดลง อุปสรรคการเข้าสู่ตลาดลดลง
3.ทำให้ประชาชนในชนบทได้หาสินค้าหรือบริการได้เช่นเดียวกับในเมือง
4.เพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขัน
ทำให้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
5.ข้อจำกัดของอีคอมเมิร์ซ
ข้อจำกัดของอีคอมเมิร์ซด้านเทคนิค มีดังนี้
1.ขาดมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ
ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
2.ความกว้างของช่องทางการสื่อสารมีจำกัด
3.ปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างอินเทอร์เน็ตและซอฟต์แวร์ของอีคอมเมิร์ซกับแอพพลิเคชั่น
4.ต้องการ Web Server และ Network Server ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
ข้อจำกัดของอีคอมเมิร์ซด้านกฎหมาย มีดังนี้
1.กฎหมายที่สามารถคุ้มครองการทำธุรกรรมข้ามรัฐหรือข้ามประเทศ
ไม่มีมาตรฐานที่ควเหมือนกัน และมีลักษณะที่แตกต่าง
2.ความพร้อมของภูมิภาคต่าง
ๆ ในการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของ E-commerce มีไม่เท่ากัน
3.ภาษีและค่าธรรมเนียมจาก
E-Commerce จัดเก็บได้ยาก
ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
4.ต้นทุนในการสร้าง
E-Commerce ครบวงจรค่อนข้างสูง
เพราะรวมถึงค่า Hardware
,Software ที่มีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดของอีคอมเมิร์ซด้านอื่น ๆ มีดังนี้
1.การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จบนอินเทอร์เน็ต
มีมากและการขยายตัวเร็วมากกว่าการพัฒนาขออินเทอร์เน็ต
2.สิทธิส่วนบุคคล
(Privacy) ระบบการจ่ายเงินหรือการ
3.ยังไม่มีการประเมินผลการดำเนินงาน
หรือวิธีการที่ดีของ E-Commerce
ยังมีจำกัดโดยเฉพาะในประเทศไทย
ซึ่งลัดส่วนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่อประชากรต่ำมาก และการใช้ E-Commerce ในการซื้อ/ขายสินค้ามีน้อยมาก
4.จำนวนผู้ซื้อ/ขายที่ได้กำไรหรือประโยชน์จากE-Commerceยังมีข้อจำกัดในประเทศไทย
5.โครงสร้างพื้นฐานของอีคอมเมิร์ซ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น