วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

             หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง1.การพึ่งพาตนเองเป็นหลัก หมายถึง การนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตให้มากที่สุด เช่น ที่ดิน เครื่องมือทางการเกษตร แรงงานสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำมาใช้เพิ่มผลผลิตและสนองความต้องการพื้นฐานอย่างพอประมาณ พอดี ไม่ฟุ้งเฟ้อ โดยพึ่งพาปัจจัยภายนอกที่ตนไม่ได้เป็นเจ้าของให้น้อยที่สุด แต่เน้นการพึ่งพาตนเอง ไม่ให้เป็นภาระของผู้อื่น                               2.การพึ่งพากันเองเป็นหลัก หมายถึง การรวมกลุ่มซึ่งกันและกันของชาวบ้าน เช่น การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การร่วมมือกันทำงานสินค้าหัตถกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ครอบครัวมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้ท้องถิ่นหรือชุมชนมีความเข้มแข็งตามมาในที่สุด3.มีหลักการจัดการที่ดี การดำเนินชีวิตในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องมีหลักการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย โดยนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์มาใช้บริหารและจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เช่น มีที่ดินจำกัดแต่สมารถนำมาใช้เพิมผลผลิตและเพิมรายได้ให้แก่ครอบครัวได้อย่างเต็มที่ ที่มา http://www.chayapa2009.ob.tc/Projectile%2028.htmการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร       การนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปจะช่วยป้องกันการล้นตลาดของผลิตผลสด ซึ่งช่วยยกระดับราคาผลิตผล ไม่ให้ตกต่ำ การเพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นอาหารระดับอุตสาหกรรม ที่สามารถรับวัตถุ ดิบเพื่อผลิตเป็นอาหารจำนวนมากได้ การผลิตอาหารให้ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การส่งเสริม ให้ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารให้เป็นที่ยอมรับ และสามารถขยายตลาดการค้าออกไปสู่ต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มพูน รายได้ให้แก่ประเทศได้เป็นอย่างดี     การแปรรูปผลผลิต  อาจทำได้หลายวิธีเช่น การทำแห้ง การดอง การใช้ความร้อน   การใช้ความเย็น การใช้รังสี
      1. การแปรรูปอาหารโดยการทำให้แห้ง คือ การลดความชื้นของอาหารจนถึงระดับที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อจุลินทรีย์ได้ คือ มีค่าวอเตอร์แอกติวิตี้ (
      1. การแปรรูปอาหารโดยการทำให้แห้ง คือ การลดความชื้นของอาหารจนถึงระดับที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อจุลินทรีย์ได้ คือ มีค่าวอเตอร์แอกติวิตี้ (water activity : Aw) ต่ำกว่า 0.70 ทำให้เก็บอาหารได้นาน อาหารแห้งแต่ละชนิดจะมีความชื้นในระดับที่ปลอดภัยไม่เท่ากัน เช่น ผลไม้แช่อิ่มเก็บที่ความชื้น ร้อยละ 15-20ถ้าเป็นเมล็ดธัญชาติความชื้นระดับนี้จะเกิดรา การทำแห้งอาหารโดยทั่วไปจะอาศัยความร้อนส่งผ่านเข้าไปให้น้ำในอาหาร เพื่อให้น้ำในอาการเคลื่อนที่และ ระเหยออกจากผิวอาหาร และประสิทธิภาพในการเคลื่อนของน้ำมาที่ผิวอาหาร ธรรมชาติของอาหาร ถ้าเป็นผักก็จะ แห้งเร็วกว่าผลไม้ เพราะผลไม้มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย การทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ในสมัยโบราณมักจะตากแดด ซึ่งไม่สามารถควบคุมความร้อน และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ จึงมีการสร้างตู้อบโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ประกอบด้วยแผงรับแสงอาทิตย์ ซึ่งทำด้วยวัสดุใส แสงอาทิตย์ตกลงบนแผงรับแล้วทะลุผ่านไปยัง วัสดุสีดำภายในตู้ และเปลี่ยนเป็นรังสีความร้อน ไปกระทบอาหาร ความชื้นระเหยออกจากอาหารจะระบายไปโดยการหมุนเวียนของอากาศทางช่องลม นอกจากนี้ยังมี กระบวนการทำให้แห้งได้อีกหลายวิธี คือ
        การทำให้แห้งโดยใช้ลมร้อน (ตู้อบลมร้อน)
        การทำให้แห้งโดยใช้ลูกกลิ้ง
        การทำให้แห้งแบบเยือกแข็ง
        การทำให้แห้งโดยใช้ไมโครเวฟ
        การทำให้แห้งโดยใช้วิธีออสโมซิส
        การทำให้แห้งโดยใช้ลมร้อน (ตู้อบลมร้อน)         การทำให้แห้งโดยใช้ลูกกลิ้ง         การทำให้แห้งแบบเยือกแข็ง         การทำให้แห้งโดยใช้ไมโครเวฟ         การทำให้แห้งโดยใช้วิธีออสโมซิส2. การดอง เป็นการทำให้ผลผลิตมีรส กลิ่น เปลี่ยนไปจากเดิมเช่น       การดองเค็ม โดยใช้เกลือ ( โซเดียมคลอไรด์ ) ไม่น้อยกว่า 15 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักผลผลิตที่จะดอง เช่นการดองมะนาว ผักกาดดอง ไข่เค็ม เป็นต้น สามารถฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่าเสีย       การดองหวาน ( การแช่อิ่ม )  โดยใช้น้ำตาลไม่น้อยกว่า  68 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักผลผลิตที่จะนำมาดอง เช่นมะม่วงแช่อิ่ม มะดันแช่อิ่มเป็นต้น      3. ใช้ความเย็น เป็นวิธีที่สะดวก ช่วยในการเก็บรักษาผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆให้สด และยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีอยู่ แต่ไม่สามารถทำลายจุลินทรีย์ได้ทุกชนิดเช่น การแช่เย็นธรรมดา ใช้อุณหภูมิ 5-10 องศาเซลเซียล การแช่แข็ง ใช้อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียล สามารถเก็บรักษาผลผลิตบางชนิดได้นานเป็นปี      4. การใช้รังสี โดยใช้รังสีแกมมา ซึ่งได้จากสารกัมมันตรังสี ที่ใช้กันมากก็คือ โคบอลต์-60 เช่น ถ้าใช้ กิโลเกรย์ ใช้ชะลอการสุกของมะม่วง  และควบคุมการแพร่พันธุ์ของแมลงในระหว่างการเก็บรักษา หรือถ้าใช้ 0.15กิโลเกรย์ ใช้ยับยั้งการงอกของมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ เป็นต้น
การบรรจุหีบห่อ การบรรจุหีบห่อ เพื่อให้ผลผลิตได้มาตราฐาน หรือมีคุณค่า เช่น สด มีสีเลื่อมมัน กลิ่น รส ความฉ่ำ ความกรอบ สะอาด ไม่มีตำหนิ ปราศจากสารตกค้าง เป็นต้น
การบรรจุหีบห่อ การบรรจุหีบห่อ เพื่อให้ผลผลิตได้มาตราฐาน หรือมีคุณค่า เช่น สด มีสีเลื่อมมัน กลิ่น รส ความฉ่ำ ความกรอบ สะอาด ไม่มีตำหนิ ปราศจากสารตกค้าง เป็นต้นการตลาด เป็นส่วนสำคัญยิ่งของการทำเกษตรเชิงธุรกิจ มีปัจจัยเกี่ยวข้องดังนี้ การเก็บรักษาสินค้า การแปรรูปสินค้า ชนิดของสินค้า การขนส่งสินค้า ราคาสินค้า สถานที่จำหน่ายสินค้า       5. การแปรรูปเพื่อถนอมอาหารแบบใช้ความร้อนสูง จะช่วยทำลายจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งทำให้ อาหารเน่าเสีย ทำลายเอ็นไซม์ สารพิษ พยาธิที่ไม่ทนต่อความร้อน การแปรรูปโดยใช้ความร้อน กระทำได้ วิธี คือ
         1. การพาสเจอร์ไรซ์ คือ วิธีที่ถนอมอาหาร โดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิไม่สูงมากนักเพื่อทำลายแบคทีเรีย พวกที่ไม่สร้างสปอร์ และพวกที่ก่อให้เกิดโรคแก่คน ส่วนจุลินทรีย์อื่น ๆ ที่ทนความร้อนระดับพาสเจอร์ไรซ์ จะเป็น
         1. การพาสเจอร์ไรซ์ คือ วิธีที่ถนอมอาหาร โดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิไม่สูงมากนักเพื่อทำลายแบคทีเรีย พวกที่ไม่สร้างสปอร์ และพวกที่ก่อให้เกิดโรคแก่คน ส่วนจุลินทรีย์อื่น ๆ ที่ทนความร้อนระดับพาสเจอร์ไรซ์ จะเป็นสาเหตุทำให้อาหารเสียได้ ดังนั้น อาหารที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ต้องอาศัยความเย็นช่วยเก็บรักษา          2. การสเตอริไลซ์ คือ วิชาการถนอมอาหารโดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่าการพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่ง อาจเป็นอุณหภูมิสูงกว่าน้ำเดือด เพื่อทำลายจุลินทรีย์ทั้งหมดรวมทั้งสปอร์อาหารที่ได้จากการสเตอริไลซ์ ึจึงเป็น อาหารปลอดเชื้อ เก็บรักษาไว้ได้นาน โดยไม่ต้องใช้ความเย็นช่วย การสเตอริไลซ์น้ำนมวัว กระบวนการ UHT (Ultra high temperature) นิยมใช้อุณหภูมิ 135 - 150 องศาเซลเซียส นาน 1-4 วินาที ซึ่งมีวิธีให้ความร้อน แบบ คือ          ก. ทางอ้อม เป็นการให้ความร้อนผ่านแผ่นแลกเปลี่ยนความร้อน          ข. ทางตรง เป็นการใช้ไอน้ำร้อนจัด เป็นตัวกลางให้ความร้อน โดยอัดลงไปในอาหารโดยตรง แล้วจึงผ่านไปยัง เครื่องระเหยน้ำส่วนที่เกินออกไปภายใต้ภาวะสูญญากาศhttp://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2070แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรแบบพึ่งตนเอง ซึ่งก็หมายถึงการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของครอบครัวแต่ละครอบครัวเพื่อเป็นการลดรายจ่ายและยังสามารถเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวได้อีก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น